อยากเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ ลองมาดูที่นี่

อยากเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ ลองมาดูที่นี่

เจ้าของธุรกิจหลาย ๆ คนนั้น จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกันว่าการตลาดออนไลน์นั้น เป็นเรื่องที่วุ่นวาย และเข้าถึงยาก ซึ่งหลายครั้งที่มีการจ่ายเงินเพื่อทำโฆษณาออนไลน์ออกไปนั้น แต่กลับไม่ได้ลูกค้ามากขึ้นดังที่ใจคิด

แต่ถ้าใครอยากที่ทำการตลาดออนไลน์ให้รุ่ง ๆ เราของนะนำ ขั้นตอนเหล่านี้ เพื่อการเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งจะเป็นการแนะนำ วิธีการทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง ซึ่งบอกเลยว่าน่าจะลองลงทุนเรียนรู้ดู ทั้งยังต้องหาหนทางในการทำการตลาดออนไลน์ด้วยมือของคุณเอง

1. เริ่มต้นที่ Social Media

Social Media คือ ชุมชนเครือข่ายออนไลน์ที่มีกลุ่มผู้บริโภคขนาดใหญ่ ซึ่งสถานที่ก็ช่วยในการสร้างการรับรู้ (Awareness) และการ PR ได้เป็นอย่างดี เพราะด้วยการกดชอบ (like), แสดงความคิดเห็น (Comment) และการแชร์ (Share) มีการส่งผลได้เป็นอย่างดี

2. การเริ่มต้นเขียนบล็อก (Blog)

อย่าเพิ่งคิดที่จะไม่อยากการเขียน Blog คุณคิดผิด เพราะ การเขียนบทความ (Articles) ใน Blog นี้ มีคุณค่ากับทางธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น การสร้างการรับรู้ (Awareness), ความน่าเชื่อถือ (Credibility) และ ความเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจ (Authority)

3. สร้างความสำพันธ์ ผ่านช่องทางสื่อ

สื่อออนไลน์นั้น ถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเพิ่มจำนวนการเข้าถึงของคน ซึ่งถ้าที่ปรึกษาหรือทีมงานนั้น ไม่ได้ทำการสร้างสายสัมพันธ์ไว้กับนักเขียน หรือ Bloggers ไว้เลย มันคงน่าเสียดายมาก เพราะผู้เข้าที่เข้าชมส่วนใหญ่นั้น จะอยากติดต่อและพูดคุย สอบถามกับธุรกิจนั้นๆที่เขาสนใจ

4. นำเสนอเนื้อหาที่คนเข้าชมต้องการ

การเชื่อมกับลูกค้าคนสำคัญนั้น ซึ่งทางที่ได้ง่ายดายนั้น ผ่านเนื้อหาที่ทำการปรับแต่งเพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่าย ในทางข้อมูลนั้น 61% ของลูกค้าส่วนใหญ่นั้น จะทำการซื้อสินค้าจาก Brand ที่นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน

5. ทำการใส่ใจการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ (Analytics)

มันง่ายดายที่จะรู้ว่าช่องทางสื่อออนไลน์ไหน ที่สร้างจำนวนคนเข้าชมได้มากมายผ่านเครื่องมือสถิติ เช่น Google Analytics เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ท่านไม่ควรทิ้งมัน หากแต่จะช่วยทำให้โฟกัสการทำงานได้มากยิ่งขึ้นในสื่อนั้นๆ

6. เช็คให้แน่ใจว่า E-Mail Marketing ยังสื่อสารถึงคนอ่านอยู่เสมอ

หากพูดถึงทุกวิธีทำการตลาด E-Mail Marketing ยังคงใช้ได้ผลอยู่เสมอ เป็นหนทางที่จะส่งเนื้อหาไปถึงผู้อ่านได้โดยตรง เพื่อเปลี่ยนให้เป็นลูกค้าที่จะซื้อของจากท่าน และยิ่งท่านมีฐานสมาชิก E-Mail List มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จในการเข้าถึงมากขึ้นเท่านั้น

7. ปรับแต่งเว็บไซต์ (SEO) ให้ดีเยี่ยม

เช็คให้แน่ใจว่า Keywords บทเว็บไซต์ของท่าน เป็นสิ่งที่คนอ่านกำลังค้นหาอยู่จริงๆ ด้วยเครื่องมือวางแผนคำหลัก (Keyword Planner Tools) ของ Google ใน Adwords

หากในเว็บไซต์ของท่านไม่มีเนื้อหา หรือ Keywords ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นไปได้สูงที่คนจะออกจากเว็บไซต์ของท่านทันที ส่งผลให้อัตราการออก (Bounce rate) ใน Google Analytics สูงขึ้น และ การตอบสนองจากผู้อ่านจะลดน้อยลงไป

8. จัดเวลาเป็น นักเขียน Blog รับเชิญบ้าง (Guest Blogging)

ท่านสามารถเข้าถึงคนอ่านได้มากมายผ่าน Blog ของท่าน แต่ท่านก็สามารถเพิ่มจำนวนคนอ่านใน Blog อื่นๆที่มีชื่อเสียงได้ผ่านการเป็นนักเขียน Blog รับเชิญ ซึ่งมีหลายๆ Blog ก็ยินดีต้อนรับ Guest Blogging

9. เช็คให้แน่ใจว่า ขั้นตอนการทำงานทั้งหมด รวมกันเป็นหนึ่งเดียว และสอดคล้องกันเป็นอย่างดี

ทุกขั้นตอนสามารถทำได้สำเร็จได้ แต่ควรเช็คให้แน่ใจว่าทุกขั้นตอนนั้นทำงานสอดคล้องกันเพื่อให้ถึงเป้าหมายหลัก (Goal) ที่วางไว้ของธุรกิจของท่าน

 

คุณสมบัติของเหล่านักการตลาดที่ดี

คุณสมบัติของเหล่านักการตลาดที่ดี

แน่นอนว่า ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร คุณย่อมอยากเป็นนักปฎิบัติที่ดี ในสายอาชีพนั้น ๆ เช่นเดียวกับการเป็นนักการตลาดมืออาชีพ หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการทำตลาดออนไลน์ที่ดีด้วยตัวเอง แน่นอนว่าบางคนต้องฝึกฝนในแต่ละสายอาชีพก็จะพยายามทำจนกว่าตัวเองจะเก่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งหนึ่งที่ทุกคน ทุกสายอาชีพต้องมีเหมือนๆ กัน นั่นคือ ความเป็นมืออาชีพ ซึ่งสำหรับการสวมวิญญาณนักการตลาดออนไลน์ เรามีคุณสมบัติที่จำเป็นต้องมีในกลุ่มคนที่ทำตลาดออนไลน์ ว่ามีอะไรบ้าง

1. รู้จักการผสมทุกอย่างให้เข้ากันอย่างลงตัว
การตลาดออนไลน์นั้น ก็เหมือนกับภาพปริศนาที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะกับการทำ SEO, การใช้คีย์เวิร์ด, link-building ต่าง ๆ ซึ่งเราต้องทำการรวมถึงเทคนิคต่างๆ และต้องรู้จักการใช้ Social media ซึ่งนักการตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีโอกาสที่จะทำให้ทำการตลาดได้อย่างประสบความสำเร็จ

2. ความอดทน
การทำการตลาดออนไลน์นั้นต้องวดเร็ว ซึ่งวันสองวันก็สามารถเห็นผลตอบรับ แต่บางกรณี อาจไม่เห็นผลใน 1 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งคุณก็ต้องพร้อมที่จะทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มุ่งสู่เป้าหมาย แม้บางครั้งผลตอบรับในระยะสั้นนั้น อาจจะทำให้เราหมดกำลังใจได้ง่าย ดังนั้นคุณต้องอดทน เพื่อผลลัพธ์ก็จะคุ้มค่ากับการรอคอย

3. รู้จักการเรียนรู้ไม่หยุด
ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO, Google AdWords และยังมี Social Media ที่มีการ เกิดใหม่ขึ้นเรื่อยๆ คุณต้องเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ ทั้งยังต้องติดตามข่าวสารในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังเข้าร่วมงานสัมมนา และอย่าลืมสร้างสัมพันธ์กับคนในวงการเดียวกันด้วย

4. ความน่าเชื่อถือ
แม้ว่าจะมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเพื่อให้สื่อสารสิ่งต่างๆ ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น

5. ความสามารถควบคุมทุกอย่างได้
นักการตลาดออนไลน์นั้น ที่มักจะว่าจ้างหน่วยงานภายนอก หรือฟรีแล้นซ์ พวกเขาจะสามารถทำงานบางอย่างให้เรา แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่คนๆ เดียวจะเก่งทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้นักการตลาดจะต้องมีทักษะในด้านการบริหารจัดการด้วย ทั้งยังต้องมีความรู้จักในการสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อกระตุ้นคนรอบข้างให้มีกำลังใจในการทำงาน
นอกจาก 5 คุณสมบัติที่กล่าวไปแล้ว ยังต้องมี การดูแลลูกค้าในระยะยาว, การเป็นนักสื่อสารที่ดี, ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง, ต้องมีเทคนิคในการเล่าเรื่อง, และต้องรู้จักใจเย็นๆ ซึ่งหากคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณเป็นนักการตลาดที่ดีได้
การทำการตลาดแบบไหนดีกว่ากัน

การทำการตลาดแบบไหนดีกว่ากัน

การทำการตลาดออนไลน์นั้น เป็นเนื่องที่สำคัญและจำเป็นสำหรับ ธุรกิจที่ต้องการทำการตลาดและเปิดตัว แต่เชื่อเถอะว่า การตลาดในปัจจุบันนั้น มักจะเน้นที่การตลาดออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น การตลาดออนไลน์ ก็มีด้วยกัน 2 แบบ คือ การตลาดออนไลน์ แบบที่เราเอง กับแบบที่เราจ้างเขาทำ เอาล่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่า การตลาดแนวไหน เหมาะกับธุรกิจของเรา

การตลาดทำเองนั้น

สำหรับ ข้อดี

แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะรู้จัก และเข้าใจธุรกิจของเราดีเท่าตัวเราเอง หรือคนในบริษัทของเรา ซึ่งการที่ทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเองนั้นจะทำให้เราสามารถใช้ความรู้ และความเชี่ยวชาญของเราตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเราได้ดีกว่าการจ้าง Agency

และการที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น หรือการที่ส่วนหนึ่งของบริษัท​ แน่นอนว่าจะมี Passion ในธุรกิจมากกว่า Agency ดังนั้นทุกสิ่งที่คุณทำออกมานั้น มันจะสะท้อนตัวตนของแบรนด์ให้ออกมาได้ดีกว่าการที่จะให้ Agency ทำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นรวมไปถึงความทุ่มเทให้กับตัวงานด้วย

ที่สำคัญ ราคาถูกกว่า การพยายามทำการตลาดออนไลน์ด้วยตัวเองนั้น ถ้าสามารถทำได้ และทำได้ดี เหล่าบรรดาค่าใช้จ่ายต่างๆนั้น ไม่ว่าจะเป็นค่าคิดกลยุทธ์ ค่าโปรดักชั่น ค่าซื้อโฆษณา รวมๆ แล้วค่อนข้างถูกกว่าการจ้าง Agency

ส่วนข้อด้อย

แน่นอนว่าหากเราไม่ได้เก่ง หรือมีความรู้ในทุกๆ ด้าน ซึ่งคุณอาจจะมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ หรือในอุตสาหกรรมที่ทำอยู่ ซึ่งการตลาดออนไลน์นั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ การที่จะพยายามทำอะไรด้วยตัวเอง อาจจะทำให้ทำมันออกมาได้ไม่ดีเท่าที่คาดหวังไว้

แน่นอนว่า เมื่อไม่มีความถนัดในเรื่องการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งคุณสามารถแก้ได้โดยการจ้างคนที่รู้เรื่องนี้เข้ามา แต่คุณอาจจะต้องแบกรับความเสี่ยงในเรื่องความไม่แน่นอนในบริษัทหลายๆ อย่าง เช่นในกรณีที่นักการตลาดออนไลน์ที่คุณรับเข้ามาทำงานได้ 2-3 ปี แล้วลาออก เป็นต้น

ส่วนการ จ้างเขาทำนั้น

ข้อดี

มีเวลาไปโฟกัสสิ่งที่สำคัญ เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับการทำธุรกิจ ซึ่งการที่คุณจ้าง Agency มาช่วยดูงานการตลาดออนไลน์นั้นจะสามารถช่วยให้คุณสามารถไปโฟกัสในสิ่งที่สำคัญกับธุรกิจและลูกค้าของคุณจริงๆ

แน่นอนว่าได้ความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย เพราะการที่คุณมีทีมการตลาดออนไลน์ของตัวเองนั้น คุณอาจจะมีคน 1 หรือ 2 คนที่ต้องทำหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันนั้น ซึ่งส่งผลให้ทีมของคุณสามารถรู้หลายอย่าง แต่ละอย่างที่รู้นั้นอาจจะไม่ลึก ซึ่งการจ้าง Agency นั้นจะเหมือนกับการที่คุณมีทีมเฉพาะด้านแต่ละด้านมาช่วยคุณ เช่นเรื่อง Strategy, SEO, Design, Social Media, Conversion หรือ Programming ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะดีกว่า

ส่วน ข้อด้อย นั้น

Agency มีลูกค้าหลายเจ้าที่ต้องมำการดูแล ซึ่งแน่นอนว่า Agency จะไม่ได้ทำงานให้กับคุณเพียงแค่เจ้าเดียว เพราะฉะนั้นพวกเขาจะไม่ได้มีความโฟกัสเท่ากับคุณ คุณอาจจะไม่สามารถคาดหวังให้พวกเขาตอบคุณทันทีที่คุณต้องการได้

ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ถึงแม้ว่า Agency นั้น จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดออนไลน์ แต่ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมของคุณ เพราะฉะนั้นแล้ว Agency นั้นอาจจะไม่เข้าใจ และไม่รู้จักธุรกิจของคุณได้ดีเท่ากับคุณ

ที่สำคัญ ราคาสูงกว่า การจ้าง Agency นั้น เปรียบเสมือนเป็นการจ้างทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตลาดออนไลน์ ซึ่งให้มาช่วยคุณคิด วางแผน และทำการลงมือทำจริง ซึ่งความเชี่ยวชาญที่คุณได้เพิ่มมานั้น แน่นอนว่าก็จะต้องแลกมาด้วยกับราคาที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน

มาทำความรู้จักกับ การตลาดออนไลน์ กัน

มาทำความรู้จักกับ การตลาดออนไลน์ กัน

ในปัจจุบันนี้ ที่สังคมของเราให้ความสำคัญที่โลกออนไลน์ เป็นอย่างมาก ทั้งยังกำลังเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินชีวิตของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเราก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า สื่อออนไลน์นั้น เริ่มมีบทบาทต่อเราทุกคนในเกือบทุกขณะ ซึ่งบอกเลยว่าตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอนเราจะยังคงวงเวียนอยู่กับสังคมออนไลน์ อีกทั้งโลกออนไลน์นั้น ยังมีความสะดวกและรวดเร็วอย่างมาก และแน่นอนว่า ความเป็นโลกออนไลน์นั้น ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์กับกลุ่มคนได้เกือบทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ที่เราบอกเลยว่า กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากมาย เพราะเราสามารถทำให้ผู้อื่นได้รู้จักเราหรือสินค้าของเราได้อย่างกว้างขวาง

ส่วนการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) นั้น คือ การทำการตลาดในกลุ่มของสื่อออนไลน์นั้น เช่น การทำโฆษณา Facebook, การทำโฆษณา Google, การทำโฆษณา Youtube, รวมไปถึงการทำโฆษณา Instagram ซึ่งก็มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ นั่นก็เพื่อทำให้สินค้าของคุณนั้น เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยการใช้วิธีการต่างๆ สำหรับการโฆษณาทางเว็บไซต์ หรือ โฆษณาขายสินค้าที่จะทำการเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ นั่นก็เพื่อให้ผู้อื่นนั้นได้รับรู้และเกิดความสนใจ จนกระทั่งมีคนเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าของเราในที่สุดนั้น โดยการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) นั้น สามารถทำได้หลายช่องทาง ดังนี้

1. Search Engine Marketing คือ การตลาดบน Search Engine นั้น จะเป็นการที่จะทำให้สินค้าของเรานั้น สามารถอยู่ติดอันดับการค้นหาในอันดับแรก ๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้สินค้าถูกค้นพบได้ง่ายและถูกคลิกได้บ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ในตำแหน่งด้านล่างหรืออยู่ในหน้าถัดไป โดยแบ่งออกเป็น SEO คือการทำเว็บไซต์ของเรานั้น ให้มีการติดอันดับของ Google กับ PPC นั่นก็คือการซื้อ Ads บน Google

2. mail Marketing คือ การตลาดที่เราสามารถทำผ่านอีเมล นั่นก็เพื่อเป็นการส่งข่าวสาร รวมไปถึงโปรโมชั่นต่างๆ ไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย บอกได้เลยว่าเป็นการตลาดที่ใช้ต้นทุนในกลุ่มที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการตลาดในรูปแบบอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นการทำการตลาดที่มุ่งเน้นไปอย่างตรงกลุ่ม และสามารถเข้าถึงผู้รับได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

3. Social Marketing คือ การตลาดที่เราสามารถทำผ่าน Social Network ต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram, Pinterest ฯลฯ ซึ่ง Social Marketing ต่าง ๆ เหล่านี้กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะมีสถิติการใช้งานสูงกว่าแหล่งออนไลน์ประเภทอื่น

แน่นอนว่าการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณจะต้องรู้จักสินค้าอย่างละเอียด และสามารถกำหนดเพื่อทำการเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนได้ เพียงเท่านี้สินค้าของคุณก็จะสามารถเป็นที่รู้จัก และยังสามารถสร้างยอดขายในโลกออนไลน์ได้อย่างง่ายดายมากเลยล่ะ